โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (
เยอรมัน: Roger Federer; เกิด
8 สิงหาคม ค.ศ. 1981) เป็นนักเทนนิสอาชีพชาวสวิส เขาเคยขึ้นครองอันดับที่ 1 ของโลกมาตั้งแต่วันที่
2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 ต่อเนื่องมาจนถึง วันที่
17 สิงหาคม ค.ศ. 2008 นับเป็นระยะเวลา 237 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นสถิติการครองอันดับ 1 ติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดตลอดกาลของวงการเทนนิสโลก
[3] ปัจจุบันตั้งแต่วันที่
6 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 เขาสามารถแย่งอันดับที่ 1 ของโลกกลับมาจาก
ราฟาเอล นาดาลได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากที่สามารถคว้าแชมป์
วิมเบิลดันได้เป็นสมัยที่ 6เป็นที่ยอมรับกันว่า เฟเดอเรอร์เป็นนักเทนนิสที่เก่งที่สุดในยุคของเขา โดยถูกจัดอยู่ในกลุ่มนักเทนนิสชายยอดเยี่ยมตลอดกาล
[4][5][6][7][8][9] และถือเป็นชาวสวิสคนแรกที่ยังมีชีวิตอยู่ที่มีรูปอยู่ในสแตมป์ของสวิสซึ่งถูกผลิตในเดือน
เมษายน ค.ศ. 2007 เป็นรูปเฟเดอเรอร์กับถ้วยวิมเบิลดัน
[10] เขาเป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้รับรางวัลนักกีฬาโลกแห่งปี (
Laureus World Sportsman of the Year) 4 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ปี
ค.ศ. 2005 -
ค.ศ. 2008[11]เฟเดอเรอร์ ชนะการแข่งขันประเภทเดี่ยว ในรายการ
แกรนด์สแลม 20 ครั้ง (6
ออสเตรเลียนโอเพน, 1
เฟรนช์โอเพน, 8
วิมเบิลดัน, 5
ยูเอสโอเพน) (ถือเป็นการทำลายสถิติการคว้าแชมป์ 14 แกรนด์สแลมตลอดกาลของ
พีท แซมพราส), รายการ
เทนนิสมาสเตอร์คัพ 6 ครั้ง, รายการ
เอทีพีมาสเตอร์ซีรีส์ 24 ครั้ง และรายการ
เอทีพีทัวร์อื่นๆอีก 26 ครั้ง อีกทั้งยังชนะ การแข่งขันประเภทคู่ 8 ครั้ง และเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม
ค.ศ. 2007 เฟเดอเรอร์สามารถเอาชนะ
ราฟาเอล นาดาล ในการแข่งขัน
เทนนิสวิมเบิลดัน ทำให้เขาครองสถิติ ชนะเลิศติดต่อกัน 5 สมัย เทียบเท่า
บิยอร์น บอร์ก[12] หลังจากการคว้าแชมป์
วิมเบิลดันได้ในเดือนมิถุนายน
ค.ศ. 2009 เฟเดอเรอร์จึงกลายเป็นนักเทนนิสชายคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์วงการเทนนิสโลกที่สามารถคว้าแชมป์
แกรนด์สแลมได้ครบทั้ง 4 รายการในการเล่นเทนนิสอาชีพ หรือที่เรียกว่า "
Career Grand Slam" นั่นเอง เฟเดอเรอร์สร้างสถิติใหม่ในกีฬาเทนนิสขึ้นมาอย่างมากมาย เช่น การเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของรายการระดับแกรนด์แสลมประเภทชายเดี่ยวติดต่อกันมากที่สุดถึง 10 สมัย (ตั้งแต่ วิมเบิลดัน
ค.ศ. 2005 จนถึง ยูเอสโอเพน
ค.ศ. 2007) การเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของรายการระดับแกรนด์แสลมประเภทชายเดี่ยวติดต่อกันมากที่สุดถึง 23 สมัย (ตั้งแต่ วิมเบิลดัน
ค.ศ. 2004 จนถึงปัจจุบัน) การชนะติดต่อกันมากที่สุดในยุคโอเพน บนพื้นคอร์ต 2 ประเภท คือ คอร์ตหญ้า (65 แมตซ์ติดต่อกัน) และ คอร์ตคอนกรีต (56 แมตซ์ติดต่อกัน) เป็นต้น และล่าสุด ชัยชนะออสเตรเลียนโอเพนของเขาในปี 2017 ส่งผลให้เขาเป็นนักเทนนิสชายคนแรกที่ได้แชมป์แกรนด์สแลม 3 รายการอย่างน้อย 5 ครั้ง (ออสเตรเลียนโอเพน, วิมเบิลดัน และ ยูเอสโอเพน นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเทนนิสที่อายุมากที่สุดที่คว้าถ้วยแกรนด์สแลมนับตั้งแต่ปี 1972 หลังจาก Ken Rosewell